Friday, 17 May 2024
อีสานไทม์

ศิลัมพา ปลื้ม ยูทูปเบอร์ทั่วโลก แห่ทำ Content งานสงกรานต์

น.ส.ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส. เขตคลองสาน ธนบุรีและแขวงบางปะกอก เบอร์ 7 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้กล่าวถึงซอฟเพาเวอร์ของรัฐบาล หลังยูทูปเบอร์ทั่วโลก แห่ทำ Content งานสงกรานต์ว่า ตนได้เห็นภาพงานเทศกาลสงกรานต์ ในหลาย ๆ ที่ ทั้งในกรุงเทพ และในส่วนภูมิภาค ล้วนมีแต่ความคึกคักมีชีวิตชีวา

 

โดยนอกเหนือจากพวกเราคนไทย ที่ออกมาเล่นสงกรานต์กันอย่างมีความสุขที่สุด นี่เป็นครั้งแรกหลังจากสถานการณ์โควิด ภาพนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่แน่นหนา ไม่ว่าจะเป็นถือปืนฉีดน้ำ ถือขันน้ำสาดกันในสถานที่ต่าง ๆ นี่เป็นภาพที่ยืนยันถึงความสุขของผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี ดังนั้นใครที่ยังคงสร้างวาทกรรมหลอกชาวบ้านว่า "ประเทศไทยเต็มไปด้วยความทุกข์” นั้นควรเลิกพูดได้แล้ว

 

ด้านประเด็นยูทูปเบอร์ทั่วโลก แห่ทำ Content งานสงกรานต์ ศิลัมพา กล่าวว่า ถ้าเราเข้าไปดูในสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ จะเห็นว่า เรื่องราวของเทศกาลสงกรานต์ของประเทศไทยของเรา กลายเป็นเทศกาลที่ถูกนำเสนอออกไปโดยชาวต่างชาติที่มีโอกาสมาสัมผัสเและเผยแพร่ออกไปทั่วโลก

 

โดยเฉพาะในยูทูป เท่าที่ตนติดตามดูพบว่า มีบรรดายูทูปเบอร์ ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก ทำคอนเทนต์ หรือเรื่องราว ของเทศกาลสงกรานต์ประเทศไทย ไม่น้อยกว่า 30 ช่อง แต่ละช่องก็มีผู้ชมจำนวนมากทั้งนั้น

 

ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่า งานเทศกาลสงกรานต์ของไทยเรานั้น ได้กลายเป็นงานเทศกาลระดับโลกไปแล้วเป็นที่รู้จัก และเป็นหมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ครั้งหนึ่งใชีวิตนจะต้องมาร่วมงานให้ได้

 

ขณะเดียวกัน ก็ได้สะท้อนถึงความสำเร็จร่วมกันของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ชุมชนท้องถิ่น ที่ได้ช่วยกันทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น

 

ศิลัมพา ยังกล่าวอีกว่าในส่วนของภาครัฐนั้นที่ผ่านมา รัฐบาลพลเอกประยทธ์ จันทร์โอชา ได้มีนโยบายชัดเจนในการส่งเสริม สนับสนุน ซอฟท์เพาเวอร์ของไทย ทั้ง 5 ด้าน หรือ ที่เรียกว่า 5F ซึ่งประกอบด้วย ภาพยนตร์(fIlM ) อาหาร(food) ศิลปะการต่อสู้(fight) แฟชั่น(fashion) และ งานเทศกาล(festival) ซึ่งงานเทศกาลสงกรานต์ก็จัดอยู่ในหมวดนี้

 

โดยการส่งเสริมดังกล่าว มีนโยบายแผนงาน งบประมาณ ในการสนับสนุนภาคส่วนต่าง ๆ ผ่านหน่วยงาน เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬ่า กระทรวงวัฒนธรรม เป็นต้น

 

นอกจากนี้การที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสนามบินรถไฟฟ้า ถนนหนทางหรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต ก็เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยว และเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะตัดสินใจของนักท่องเที่ยว

ศศิกานต์ อึ้ง รทสช. กระแสดี แต่ ยังมีคนไม่รู้ ลุงตู่อยู่รวมไทยสร้างชาติ

(17 เม.ย. 66 ) น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ ผู้สมัคร ส.ส. เขตบางแค ภาษีเจริญ หมายเลข 7 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้พูดถึงการรณรงค์หาเสียงในพื้นที่เขตบางแค ภาษีเจริญ ว่า

 

ตนเองเน้นเรื่องการลงพื้นที่ พบปะ พี่น้องประชาชน พยายามเข้าถึงพูดคุยทุกบ้าน ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก และพบว่ามีพลังเงียบที่เป็นกองเชียร์ลุงตู่เยอะมาก มีหลายคนอาสาเข้ามาช่วยงานโดย ไม่คิดค่าจ้าง เช่น แจกใบปลิวและช่วยติดป้าย

 

รวมถึงช่วยเป็นเพื่อนเดินหาเสียงในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ตลอดจนแจ้งข่าวสารในพื้นที่ เช่น ป้ายบริเวณซอยนั้นไม่มี ป้ายซอยนี้พัง ให้มาซ่อม อย่างนี้เป็นต้น ทำให้ยิ่งเดินก็ยิ่งมั่นใจในกระแสพรรคมากยิ่งขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกเรื่องที่ต้องเร่งชี้แจงให้ประชาชนรับทราบโดยด่วน เพราะจากการลงพื้นที่ทำให้ทราบว่า ยังมีพี่น้องประชาชนจำนวนไม่น้อย ที่ยังไม่ทราบว่าลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ หลายคนคิดว่า ลุงตู่ ยังอยู่พรรคเดิมเหมือนเมื่อการเลือกตั้งปี 62 ซึ่งตนเอง และทีมงานก็ได้พยายามประชาสัมพันธ์ และสื่อสารให้พี่น้องประชาชนทราบให้ทั่วถึงที่สุดว่า ลุงตู่อยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ถ้าพี่น้องเลือกจิ๊บ เป็นส.ส.เขต จะได้ลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรี มาทำงานต่อ

ตัวเต็งนายกฯ จับตามองที่ 'อุ๊งอิ๊ง-อนุทิน-ลุงตู่' ส่วนพิธา 'ก้าวไกล' ตัดทิ้งไปได้เลย

(18 เม.ย.66) ส่วนหนึ่งจากคอลัมน์ 'เปลวสีเงิน' ได้นำเสนอบทความในหัวข้อ...นายกฯ 'รำไรๆ' ใต้ขนตา...ระบุความว่า...

 

ใคร ๆ ก็มองว่า ลุงป้อมจะไปตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทย ที่เขาเอาตำแหน่งนายกฯ มาล่อ หวังแลกมือ ส.ว. สนับสนุนในรัฐสภา

 

เขาล่อน่ะ…ล่อจริง

แต่ผมเชื่อ ลุงป้อมไม่ยอมให้ล่อหรอก!

 

เพราะอะไรน่ะหรือ ในมุมมองผมนะ ผมเชื่อศักดิ์ศรีขุนทหารระดับ 'แม่ทัพ' กองทัพไทยของลุงป้อม

 

ถ้าโลภ จนหลง ยึดประโยชน์ตนเหนือประโยชน์ชาติ วิเคราะห์สถานการณ์ไม่ขาด อ่านเกมฝ่ายตรงข้ามไม่ออก

 

ทำเนียบกองทัพไทย...จะไม่มีคนชื่อ 'พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ' บรรจุอยู่ในตำแหน่ง 'ผู้บัญชาการทหารบก' ได้แน่นอน!

 

นั่นอย่างหนึ่ง...

 

และอีกอย่างหนึ่ง ระดับผู้บัญชาการกองทัพ ต้องเข้าพระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงกล่าวนำมาแล้ว

 

ที่จะให้ 'พลเอกประวิตร' ไปตั้งรัฐบาลกับพรรคที่มีแนวทางอสัตย์ต่อ 'ชาติ-ศาสน์-พระมหากษัตริย์' เลิกมาตรา ๑๑๒ เมื่อได้เป็นรัฐบาล แบบนั้น

 

พลเอกประวิตร 'ไม่ทำ' แน่นอน!

 

อย่างสุดท้าย...คุณเคยได้ยินคำนี้มั้ย 'เพื่อนร่วมตาย' เหนือกว่า 'พี่น้องสายโลหิต'

 

คนเราน่ะ ต่างที่เกิด ต่างที่มา วันหนึ่ง มีวาสนาได้รู้จักกัน คบหากัน กินนอนด้วยกัน ร่วมเป็น-ร่วมตายด้วยกัน ใจผูกเป็นพี่-เป็นน้องกัน

 

อย่างพลเอกประวิตร-พี่ใหญ่, พลเอกอนุพงษ์-พี่รอง, พลเอกประยุทธ์-น้องเล็ก...ไม่ต่างเหล็กไหล ต่อให้ใช้แสงเลเซอร์ตัด ยืดปานจะหยด แต่ยังไง ๆ ก็ตัดเหล็กไหลไม่ขาด!

 

ความผูกพันของ ๓ ป. เท่าที่ผมดู จะทะเลาะกันบ้าง ขัดใจกันบ้าง งอนกันบ้าง ถึงขั้น 'แตกพรรค-แตกขั้ว' ออกไปจากกันก็เถอะ แต่ก็นั่นแหละ ไหลยืดปานจะขาดจากกัน แต่มันก็ 'ตัด' กันไม่ขาด!

 

การแตกพรรค ที่ดูเหมือนแตกกัน นั่นมันแค่ 'ยุทธศาสตร์การเมือง' ที่มีแกนยึด จะไม่ 'แตกสามัคคี' จนนำไปสู่การกระทำให้ 'ชาติบ้านเมืองแตก'

 

เชื่อผมเถอะ ชั่ว, ดี, ถี่, ห่าง อย่างไร 'ทหารเสือนวมินทราชินี' คือ ผู้แก้ปัญหาให้ชาติบ้านเมือง ไม่ใช่ผู้สร้างปัญหาให้ชาติบ้านเมือง

 

ฉะนั้น ผมจึงอยากบอกลุงป้อมว่า ท่านน่ะ 'เลือดผู้นำ' ที่จะให้นั่งอยู่ในรู ปล่อยให้ลูกน้องออกไปสู้ตามลำพังน่ะ นั่นไม่ใช่วิสัยลุงป้อม

 

ใจบันดาลแรงท่านก็จริง แต่แดดมันแรง การเดินสายหาเสียง ตะกายขึ้นแต่ละเวที คนไม่เคย ไม่รู้หรอกว่า มันสาหัส-สากรรจ์ขนาดไหน?

 

ผมมองการณ์ข้างหน้า 'หลังเลือกตั้ง' อยากจะบอกว่า รัฐบาลข้างหน้า จะขาดลุงป้อมไม่ได้!

 

ฉะนั้น ลุงป้อมจะเป็นอะไรไปไม่ได้ ต้องถนอมตัวไว้ ยังไง ๆ พรรคพลังประชารัฐก็ต้องร่วมเป็นรัฐบาลกับฝ่ายที่ 'ไม่ล้มเจ้า' อยู่แล้ว

 

แล้วมีพรรคไหนบ้างล่ะ ที่ไม่มีแนวทางล้มเจ้า? ก็มีพรรคภูมิใจไทย, รวมไทยสร้างชาติ, ประชาธิปัตย์, ชาติไทยพัฒนา, ไทยสร้างไทย, ไทยภักดี, ชาติพัฒนากล้า เป็นต้น

 

รัฐบาลหน้า ก็จะอยู่ในกลุ่มพรรคเหล่านี้ ส่วนพรรคไหนจะมี ส.ส. มากที่สุด ได้เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงจะเอาใครเป็นนายกฯ? นั่นมันเรื่องข้างหน้า

 

ตราบใดที่ยังไม่เลือกตั้ง แต่ละพรรคยังไม่มีตัวเลขมาแบบโต๊ะพูดจา การยกมาพูดตอนนี้ ไม่ต่างกับว่า..."ถ้าได้แต่งกับนางงามจักรวาล จะให้ลูกเรียนโรงเรียนไหนดี?"

 

มันเพ้อเจ้อข้ามขั้นตอนมากไป ไปหานางงามจักรวาลมาแต่งให้ได้ซะก่อนเหอะ แล้วค่อยมาคุยเรื่องมีลูก เรื่องโรงเรียน!

 

พรรคภูมิใจไทย ของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล โพลทุกสำนักฟันธงว่า จะได้ ส.ส.มากเป็นอันดับ ๒ รองจากพรรคเพื่อไทย และเป็นพรรคเดียวในกลุ่มพรรคไม่ล้มเจ้า ที่จะได้ ส.ส.ถึงหลักร้อย คือมากกว่า ๑๐๐ คนขึ้นไป!

 

ส่วน 'พรรครวมไทยสร้างชาติ' ของนายกฯ ประยุทธ์ เขาประเมินกันแค่ ๔๐ กว่า ส.ส. เท่านั้น

 

ถ้าผลเลือกตั้งเป็นตามนี้ ภูมิใจไทยของคุณอนุทิน คือตัวชี้ว่า ฝ่ายไหนจะได้เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล? ถ้าไปรวมกับเพื่อไทย เสียงกว่าค่อนสภา ตั้งรัฐบาลได้เลย

 

แต่ผมไม่เชื่อ เหมือนที่ไม่เชื่อว่าลุงป้อมจะไปตั้งรัฐบาลกับพรรคฝ่ายล้มเจ้า

 

พรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทย ก็ต้องแข่งกันรวบรวมเสียงว่า ในจำนวน ๕๐๐ ส.ส. ใครจะรวบรวมได้เกินครึ่ง คือ มากว่า ๒๕๑ เสียงขึ้นไปได้ก่อนกัน

 

นี่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ในการจะเลือกโดยตกลงกันว่า จะให้ใครเป็นนายกฯ?

 

ใช่ว่าพรรคไหนมีเสียงมาก ก็จะเป็นนายกฯ ได้ทันที เว้นแต่พรรคนั้น มี ส.ส. 'พรรคเดียว' เกินครึ่ง!

 

สรุปตาม 'คณิตศาสตร์ส.ส.'จากโพล...

>> อุ๊งอิ๊ง นายกฯ ฝ่ายแดง

>> อนุทิน นายกฯ ฝ่ายน้ำเงิน

 

แต่จากเสียง 'พลังเงียบ' ที่เป็นคลื่นใต้น้ำบอกว่า ๑๔ พฤษภาคมนี้ เขาจะออกไปเลือกรวมไทยสร้างชาติ ทั้งพรรค ทั้ง ส.ส.เขต

 

บัตรสีเขียว เลือกพรรค เขาจะ X เบอร์ ๒๒ พรรครวมไทยสร้างชาติ

 

บัตรสีม่วง เขาจะ X เบอร์ สส.เขต ของพรรครวมไทยสร้างชาติ

 

ต้องการให้ 'พลเอกประยุทธ์' เป็นนายกฯ ต่อ!

 

เออ…ทั้งโพล ทั้งพลังเงียบนอกโพล เขาว่างี้ ก็หมายความว่า ตัวชิงเข้าวิน มี ๓ ตัว คือ 'อุ๊งอิ๊ง-อนุทิน-ลุงตู่' ส่วนพิธา 'ก้าวไกล' ตัดทิ้งไปได้เลย!

 

สรุป ฟันธง… ถ้าฝ่ายแดงแลนด์สไลด์ อุ๊งอิ๊ง นายกฯ ไร้คู่แข่ง

 

ถ้าไม่แลนด์สไลด์ ฝ่ายน้ำเงินตั้งรัฐบาล 'ลุงตู่-อนุทิน' คนใด-คนหนึ่ง เป็นนายกฯ!

"ชัยวุฒิ" กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร

วันนี้ (18 เม.ย. 66) เมื่อเวลา 15.20 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการยกเลิกการเกณฑ์ทหารของบางพรรคการเมืองว่า

 

ทุกคนเห็นต่างกันได้ พรรคการเมืองที่มีความเห็นไม่ตรงกับพรรคพลังประชารัฐ ก็จะวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของเรา ตนก็มีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของพรรคการเมืองอื่น เช่นเดียวกัน ถือเป็นการใช้สิทธิ์ตามระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะที่มีบางพรรคพูดถึงเรื่องการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ขอยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐไม่มีนโยบายนี้

 

เราเห็นด้วยกับการคงนโยบายการเกณฑ์ทหารไว้ และให้มีการพัฒนากองทัพ ให้เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ เพราะเราเชื่อว่าความมั่นคงของชาติเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเรื่องของการเกณฑ์ทหารมีระบบการสมัครใจอยู่แล้ว หัวใจสำคัญคือ ต้องดูแลทหารให้ดีขึ้น ให้คนที่ผ่านการเกณฑ์หรือสมัครเข้ามาใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ มีประสบการณ์และได้รับการฝึกฝนที่ดี

 

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่อยากให้ทำนโยบายที่คิดถึงแต่ความนิยม หรือเอาใจประชาชน จนทำให้เกิดค่านิยมที่ผิด ค่านิยมไม่เสียสละเพื่อแผ่นดิน ตนไม่อยากใช้คำว่าชังชาติ แต่คิดว่าเป็นค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง อยากให้มองว่ากองทัพเป็นสิ่งสำคัญ ต้องช่วยกันสร้างกองทัพให้เข้มแข็ง เพราะนี่คือความมั่นคงของชาติที่จะเป็นหัวใจสำคัญในการที่จะทำให้เศรษฐกิจของเราเดินหน้า ต่อไปได้ด้วย

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายพรรคมองว่านโยบายการเกณฑ์ทหารควรได้รับความสมัครใจจากผู้ที่ประสงค์จะสมัครเป็นทหาร นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เป็นแนวคิดของพรรคการเมืองอื่น ซึ่งในข้อเท็จจริงวันนี้เรามีแผนพัฒนากองทัพ และมีการวางแผนใช้กำลังทหารอยู่แล้ว และปัจจุบันมีการปรับลดจำนวนทหารเกณฑ์ จาก 100,000 คนเหลือเพียง 6 หมื่นคน แต่ปัจจุบันผู้ที่สมัครเข้ามามีจำนวนไม่เพียงพอ จึงยังต้องคงระบบการเกณฑ์ทหารเอาไว้ ตนเชื่อว่าภัยคุกคามประเทศยังคงมีอยู่ บางเรื่องที่นักการเมืองไม่รู้แต่ฝ่ายความมั่นคงรู้ ก็ควรจะรับฟังและพูดคุยกันด้วยเหตุผล

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงผลโพลที่ออกมา ที่ระบุว่าพล.อ.ประวิตร เป็นอันดับ 1 ในการก้าวข้ามความขัดแย้ง นายชัยวุฒิ กล่าวว่า นี่เป็นนโยบายหลักของพรรคอยู่แล้ว พล.อ.ประวิตร มีแนวคิดและแนวทางในการทำงานที่ชัดเจนอยู่แล้ว ในเรื่องของการประนีประนอม และพูดคุยกับทุกฝ่าย ทุกวันนี้สังคมไทยมีความขัดแย้งทางการเมืองอย่างสุดโต่ง มีทั้งฝ่ายซ้ายจัด ขวาจัด บางคนก็อยากเปลี่ยนประเทศ ซึ่งอาจจะเป็นการเปลี่ยนที่ไกลเกินไป จนคนไทยรับไม่ได้ และอาจทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงในอนาคต รวมถึงบางคนที่คิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องของครอบครัว มากเกินไป ก็จะทำให้ประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งรับไม่ได้เช่นกัน

 

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ความขัดแย้งทางการเมืองมีโอกาสเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ถ้าการเลือกตั้งครั้งนี้ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง อาจจะส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และทำให้บ้านเมืองมีปัญหาในอนาคต พล.อ.ประวิตร จึงต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง รับฟังทุกกลุ่มทุกฝ่าย ประสานให้ทุกคนทำงานร่วมกันได้ ที่สำคัญคือเราคิดต่างกันได้ แต่ต้องมาหาทางออกร่วมกัน

 

“เชื่อว่าลุงป้อม จะเป็น Soft Power ที่จะทำให้ทุกคนมาทำงานร่วมกันได้ และสามัคคีกันได้ และเชื่อมั่นว่า สิ่งนี้คือหัวใจสำคัญ ที่จะทำให้ประเทศชาติของเราเดินหน้าไปได้ ประชาชนก็จะอยู่ดีกินดีก้าวข้ามความขัดแย้งก้าวข้ามความยากจน"

 

เมื่อถามว่า ในโพลอันดับความนิยม หรือแคนดิเดตนายกฯ พล.อ.ประวิตร ยังไม่ติด อันดับเลย นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ตนก็ติดตามการทำโพล มีการไปสอบถาม กลุ่มต่าง ๆ ซึ่งอาจจะเป็นคนกลุ่มหนึ่งที่ให้ความเห็น แต่ในโพลที่เราทำมา เราก็มีคะแนนนิยมอยู่พอสมควร

 

"ผมเชื่อว่าคนที่รัก พล.อ.ประวิตร และเข้าใจแนวทางของพรรค และชอบนโยบายมีเยอะ เพียงแต่คนเหล่านี้ไม่ได้ไปตอบโพล ซึ่งสิ่งนี้ทำให้คะแนนในโพลเราอาจจะไม่ดี แต่ผมเชื่อว่าคะแนนนิยมของจริง เราดี เราเป็นนายกในโลกของความเป็นจริง ไม่ใช่นายกฯ ในโลกออนไลน์ และสิ่งที่เราทำเราทำจริง ไม่ได้คิดไกลเกินไป คิดในสิ่งที่ทำได้"

 

เมื่อถามว่าในช่วงโค้งสุดท้ายจะมีนโยบายอะไรที่โดนใจประชาชนหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า นโยบายเราเปิดไปเยอะแล้ว แต่ตนคิดว่า ก็ต้องประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนรับรู้มากขึ้น ประชาชนอาจยังไม่เข้าใจนโยบายของพรรคในบางจุด เราจะพยายามทำให้มากขึ้น

ตรวจสอบสิทธิเลือกตั้ง ต้องไปลงคะแนนที่ไหน เช็กได้เลย

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดให้ประชาชนทั่วไปที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในปี 2566 นี้ ตรวจสอบสิทธิเลือกตั้งของตัวเองได้แล้วตั้งแต่วันอังคารที่ 18 เมษายน โดยเข้าไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์สำนักบริหารการทะเบียน ตามลิงค์ข้างล่างนี้

 

https://boraservices.bora.dopa.go.th/election/enqelection/

‘พลังประชารัฐ’ เปิดโฉมหน้า ‘ดรีมทีมเศรษฐกิจ’ ขอพลิกโฉมประเทศไทย เพื่อก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน

วันที่ 19 เม.ย. 2566 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ให้ความสำคัญกับปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนเป็นอย่างมาก มุ่งหวังจะแก้ปัญหาให้ประเทศชาติ ให้ประชาชนอยู่ดีกินดี และสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้

 

โดยออกมาย้ำถึง “ดรีมทีมเศรษฐกิจ” ของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีทั้งที่เป็นรัฐมนตรีในปัจจุบัน อดีตรัฐมนตรี และอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรี ประกอบด้วย

- นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง

- นายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลังและอดีต รมว.อุตสาหกรรม

- นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง

- นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน

- นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีต รมว.พาณิชย์

- นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง

- นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตผู้ช่วย รมว.คลัง

- ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน

และตนที่เป็นอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง

 

นายชาญกฤช กล่าวว่า การรวมตัวกันของมือบริหารระดับอาชีพไม่ใช่เรื่องง่าย หากแต่เกิดจากบารมีของ พล.อ.ประวิตร ทั้งสิ้น เพราะเป็นการดึงเอามือเศรษฐกิจระดับประเทศ ล้วนเป็นผู้ที่มากความสามารถ มากประสบการณ์ เป็นที่รู้จักในฝีไม้ลายมือเป็นอย่างดีในแวดวงเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนต่างประเทศ ซึ่งให้การยอมรับว่าเป็นตัวจริงเรื่องเศรษฐกิจทุกระดับมาร่วมกันทำงาน ประกาศนโยบายเศรษฐกิจพลิกโฉมประเทศไทย 360 องศา เน้นตอบโจทย์เชิงบริหารเศรษฐกิจ สามารถเดินหน้าบริหารประเทศได้ทันที โดยไม่สะดุด หรือเกิดรอยต่อระหว่างเปลี่ยนผ่านรัฐบาล แม้ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังผันผวนก็ตาม เพราะทีมเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐ เป็นบุคลากรที่เคยปฏิบัติหน้าที่ในสนามเศรษฐกิจจริงมาแล้ว โดยมีผลงานในอดีตเป็นที่ประจักษ์

 

นายชาญกฤช กล่าวด้วยว่า เร็ว ๆ นี้พรรคพลังประชารัฐเตรียมจะเปิดตัวยุทธศาสตร์การเลือกตั้งล็อตใหญ่ ซึ่งจะเป็นยุทธศาสตร์ที่ไม่แพ้พรรคการเมืองใดอย่างแน่นอน พร้อมฝากประชาชนพิจารณาเลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคทุกเขตทั่วทั้งประเทศ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศไทย เพื่อก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน

‘ลุงป้อม’ ประกาศ ลดราคาน้ำมัน-แก๊ส-ค่าไฟ ทำทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาล

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2566 ในการปราศรัยหาเสียงของ พรรคพลังประชารัฐ โดยจัดเวทีที่ลานวัดสมานรัตนาราม ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อช่วยผู้สมัคร 4 เขต ประกอบด้วย

- นายรัฐสภา นพเกต เขต 1

- นายอรรถกร ศิริลัทธยากร เขต 2

- นายสายัณห์ นิราช เขต 3

- พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ เขต 4

ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมฟังปราศรัยจำนวนมาก

 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ตนและพรรคพลังประชารัฐพร้อมแล้วที่จะทำงานรับใช้ชาวฉะเชิงเทราให้เจริญรุ่งเรือง พลังประชารัฐได้เลือกคนดีและคนเก่งมาเป็นผู้แทนของชาวฉะเชิงเทราทั้ง 4 เขต โปรดเลือกผู้สมัครทั้ง 4 เขต และขอให้เลือกหมายเลข 37 ด้วย

 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อยากสื่อสารให้พี่น้องทราบว่าที่ผ่านมาประเทศพัฒนาได้ยาก พลังประชารัฐจึงนำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากมาย ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เพิ่มเป็น 700 บาทต่อเดือน ลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลงในทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยจะลดราคาน้ำมันเบนซินลง 18 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลลด 6.30 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำทันที่พลังประชารัฐได้เข้ามาเป็นรัฐบาล รวมทั้งยังมีมาตรการลดราคาแก๊สให้เหลือ 250 บาทต่อถัง ที่สำคัญ คือ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนให้เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย และลดค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมเหลือ 2.70 บาทต่อหน่วย เพื่อมอบความสุขให้ประชาชนด้วยความจริงใจ พลังประชารัฐจะทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น

 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายอำเภอในฉะเชิงเทราได้รับการดูแลจากตน พลังประชารัฐจะแก้ปัญหาความยากจน เราจะก้าวข้ามความยากจนไปด้วยกัน ด้วยการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างงาน สร้างรายได้ ยกระดับการศึกษา อย่างถนนหมายเลข 304 จะเป็น 4 เลน เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี

 

นอกจากนี้ ยังนโยบายมีเราไม่มีแล้ง ได้ลงพื้นที่ดูแลเรื่องน้ำหลายครั้งเพื่อดูแลแก้ปัญหาเรื่องน้ำให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเรื่องน้ำเค็ม น้ำอุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร และได้ทำโครงการต่าง ๆ ให้กับพี่น้องชาว จ.ฉะเชิงเทรา เป็นจำนวนมาก เรื่องที่ทำกินได้มอบหนังสืออนุญาตทำประโยชน์หลายครั้ง โดยเฉพาะพื้นที่เขาตะเกียบ

 

“ผมพูดไม่เก่ง แต่ทำงานและประสานประโยชน์ได้ทุกฝ่าย จะนำคนเก่ง ๆ มาร่วมมือกันทำงาน ก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความรุ่งเรืองให้ประเทศก้าวข้ามความยากจน เราจะก้าวข้ามความยากจนและความขัดแย้งไปด้วยกัน ทำให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศมีความเป็นหนึ่งเดียว รักใคร่สามัคคีกัน ขอให้เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐ ผมขอประกาศกับพี่น้องว่าเราทำได้ พร้อมจะรับใช้ประชาชนให้มีความสุขต่อไป โดยการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. นี้ โปรดเลือก พปชร. เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ขอฝากพลังประชารัฐไว้กับชาวฉะเชิงเทราด้วย” พล.อ.ประวิตร กล่าว

 

ด้าน นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ผู้สมัคร เขต 2 กล่าวปราศรัยว่า ผมต้องขอบคุณชาวฉะเชิงเทราที่ให้ความเอ็นดูมากกว่า 10 ปีตั้งแต่สมัยคุณพ่อของผม และวันนี้ผมมาขอคะแนน และขอความเอ็นดูจากพี่น้องอีก 1 สมัย ผมขอโอกาสได้เข้าสภาไปผลักดันการแก้ปัญหาเรื่องน้ำให้พี่น้องชาวฉะเชิงเทราทุกคน

 

ขอให้วันที่ 14 พ.ค. พี่น้องเข้าคูหากาเบอร์ 37 หากจำไม่ได้ให้คิดถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่จะเพิ่มจำนวนเงินในบัตรประชารัฐ จาก 300 เป็น 700

ดร.เอราวัณ นำทีมผู้สมัคร ส.ส. ชาติพัฒนากล้า เดินพูดคุย ลุยพื้นที่อีสาน

ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เบอร์ 14 รองเลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่ภาคอีสาน ช่วยผู้สมัคร เอม อภัสรา นักร้องหมอลำ เบอร์ 5 เขตเมืองร้อยเอ็ด นุจรีภรณ์ อินทะสร้อย เบอร์ 5 เขตเมืองมหาสารคาม ลูกชาวนา ธัชชัย คมขำ ผู้บริหารโรงเรียนเอกชน เบอร์ 4 เขตเมืองอุบลราชธานี

 

ลงติดป้ายและเดินพบพ่อแม่พี่น้องประชาชนได้นำเสนอนโยบายของพรรค ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะนโยบาย ที่นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค และ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคนำเสนอเรื่องไฟฟ้าและน้ำมัน เพราะเป็นต้นทุนที่ทำให้สินค้าขึ้นราคา

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร่วมแถลงเปิดนโยบาย “อีสานประชารัฐ” พัฒนาภาคอีสานด้วยรถไฟทางคู่ บึงกาฬ-อู่ตะเภา

(20 เม.ย. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรรมการบริหารพรรค ร่วมแถลงเปิดนโยบาย “อีสานประชารัฐ” พัฒนาภาคอีสานด้วยรถไฟทางคู่ บึงกาฬ-อู่ตะเภา

 

โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค กล่าวว่า เราจะพัฒนาภาคอีสานและภาคตะวันออกให้เป็นรถไฟทางคู่ จาก จ.บึงกาฬ - ท่าเรือแหลมฉบัง – ท่าเรือมาบตาพุด – สนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง โดยเป็นการพัฒนาพื้นที่ได้ 24 จังหวัด ในภาคอีสาน และภาคตะวันออก สอดรับกับการพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยโครงการพัฒนาเส้นทางทางรถไฟ จะผ่าน 13 จังหวัด ได้แก่ จังหวัด บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และยังเชื่อมต่อ 11 จังหวัดได้แก่ จังหวัดหนองคาย ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีษะเกษ หนองคาย และหนองบัวลำภู ระยะทางรวมประมาณ 480 กม.

 

โดยเราจะดำเนินโครงการทันที เมื่อได้เป็นแกนนำร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเราสำรวจเส้นทางเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการดำเนินโครงการใหญ่ในภาคอีสาน จะเป็นจุดแรกที่เราทำก่อน จากนั้นจะทำภาคเหนือและใต้ต่อไป ซึ่งเป็นแนวคิดที่คิดจะทำกันมาหลายปีแล้ว อย่าเพิ่งไปคิดว่าโครงการ จะทำแล้วเสร็จพรุ่งนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ชาวอีสาน มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งการทำงบประมาณ ไม่ต้องห่วง ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง แต่ตนไม่ห่วง สามารถดำเนินการได้แน่นอน

 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราทำเพื่อคนอีสานโดยเฉพาะ จะได้มีงาน สร้างงาน สร้างอาชีพให้คนอีสาน น้ำเขาก็น้อย การเกษตรก็มีข้อขัดข้องเยอะ คนอีสานออกมาทำงานต่างจังหวัดทั้งนั้น เราทำโครงการนี้เพื่อชาวอีสานโดยเฉพาะ อย่าเพิ่งถามถึงภาคอื่น เอาให้ภาคอีสานเจริญ โดยภาคอีสานมีทั้งหมด 133 เขต คิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ

 

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค กล่าวว่า เราจะพัฒนาอีสาน เปิดภาคอีสานของเราให้ทันต่อโลก เนื่องจากดูแต่ละพรรคการเมืองแล้ว มีแต่ที่จะขอให้ชาวภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด และภาคตะวันออก 5 จังหวัด ขอแต่แลนด์สไลด์ แต่ไม่เคยเห็นพรรคการเมืองใดเลยที่คิดว่าจะพัฒนาภาคอีสานให้พ้นความยากจน หรือนำเงินลงทุนมหาศาลไปพัฒนา ซึ่งไม่มีเลย มีแต่ พปชร. ที่ให้ความสำคัญกับชาวอีสาน ตลอดระยะเวลาเกิน 20 ปี ภาคอีสานไม่ได้รับการพัฒนาใด ๆ เลย

 

“หลายสิบปีที่ผ่านมา ชาวอีสานได้รับการพัฒนาอย่างเชื่องช้า มีแต่คนไปขอให้แลนด์สไลด์ แต่ยังไม่เคยได้ยินพรรคใดที่ตั้งใจที่จะไปพัฒนาภาคอีสานเพื่อลูกหลานอยู่ดีกินดี เราจึงขอแรงใจทั้ง 133 เขตให้กับ พปชร. เพื่อ พปชร. จะได้มีอำนาจในการมาพัฒนาภาคอีสาน และเรามั่นใจว่าชาวอีสานจะต้องเลือก พปชร. ทั้ง 133 เขต เพื่อให้ พปชร. เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และใน 133 เสียง ที่เลือกเราเข้าไปในสภาจะไปยกมือสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี ผมยืนยันว่าโครงการเหล่านี้ทำจริง ทำทันที แต่เราจะต้องมีนายกฯ เป็นคนที่จะใช้อำนาจผลักดันโครงการดี ๆ เหล่านี้ได้” นายสันติ กล่าว

 

ดั้งนั้น พปชร. จึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะก่อสร้างโครงการทางรถไฟรางคู่ จาก จ.บึงกาฬ ที่อยู่บนสุด ของอีสานวิ่งตรงลงมาผ่านภาคอีสานทางตะวันออกทั้งภาค มาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด และสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเปิดโลกให้ชาวอีสาน

 

นายสันติ กล่าวว่า สำหรับรถไฟรางคู่แบบใหม่ที่เราจะทำนั้น จะมีรางขนาด 1.435 ม. มาตรฐานเดียวกับรถไฟความเร็วสูง จะมีการสร้างทางหลวงพิเศษ 8 ช่องจราจร ตลอดแนวเส้นทางรถไฟ จะมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรม ขนาด 20,000 ไร่ 6 แห่ง กว่า 6,000 โรงงาน โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมนำสมัย นอกจากนี้ จะมีการสร้างวิทยาลัยอาชีวะใกล้นิคมอุตสาหกรรมนิคมฯ ละ 2 แห่ง รวม 12 แห่ง เพื่อเตรียมแรงงานที่มีทักษะ และคุณภาพรองรับอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาท่าเรือบก ซึ่งจะเป็นพื้นที่รองรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากนิคมอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้นก่อนที่จะมีการขนส่งไปยังท่าเรือน้ำลึกที่ภาคตะวันออก

 

สำหรับงบประมาณที่จะใช้ในการพัฒนาโครงการนี้ โดยเฉพาะการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม ทางการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจะเป็นผู้ดำเนินการ โดยการดึงดูดนักลงทุนมาจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งเป้าหมายไว้ คาดว่าจะสามารถดึงดูดเงินลงทุนเข้าประเทศไทย 4.5 ล้านล้านบาท โดยรัฐจะเป็นผู้เวนคืนที่ดินที่ต้องใช้ในการพัฒนานิคมแต่ละนิคมประมาณ 2 หมื่นไร่ เพื่อรองรับโรงงานประมาณ 1 พันโรงงาน โดยแต่ละโรงงานจะใช้เงินลงทุนประมาณ 750 ล้านบาท ทั้งนี้ มีหลายประเทศสนใจที่จะมาตั้งนิคมอุตสาหกรรมและดึงโรงงานเข้ามาประมาณ 1 แห่ง อาทิ จีน และประเทศในยุโรปที่สนใจเข้ามาตั้งโรงงาน

 

อย่างไรก็ตาม นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. ได้กล่าวย้ำว่า ขณะนี้ได้ยื่นนโยบายดังกล่าวต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ภูมิใจไทย ยัน ถูกจัดฉากว่าซื้อเสียง

วันที่ 20 เม.ย. 2566 นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์คลิประบุว่า อสม. เริ่มเดินสายจดรายชื่อตามบ้านเพื่อซื้อเสียง พร้อมระบุเป็น ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล

 

โดยพบเป็นแผ่นพับของนางจิดาภา สุนทรธนากุล ผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย เขต 2 เบอร์ 4 พรรคภูมิใจไทย ว่า พรรคได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ยืนยันว่า ผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทยที่อ้างว่ามีชื่ออยู่ในคลิป รวมทั้งผู้ช่วยหาเสียงทั้งหมดไม่มีพฤติการณ์ทำตามที่ปรากฏอยู่ในคลิป

 

“มั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นกระบวนการใส่ร้าย ถ้าเจ้าตัวไม่ได้ทำ ซึ่งได้ไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดหนองคายแล้ว” เมื่อถามว่า แสดงว่ามีกระบวนการจ้องทำลาย นายศุภชัย กล่าวว่า เมื่อเจ้าตัวไม่ได้ทำ แล้วมีความพยายามว่าทำ ตรงนี้ก็เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ถือเป็นความไม่ประสงค์ดี ซึ่งเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ เกิดขึ้นเป็นประจำ เป็นระยะ ๆ แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ซื้อเสียง มีการถ่ายคลิป แล้วมีการสะบัด ๆ ให้เห็นชื่อ

 

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ทำให้คะแนนเสีย นายศุภชัย กล่าวว่า คงไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะผู้สมัครได้ลงพื้นที่อย่างหนักและเต็มที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ได้ลงนามประกาศพรรค ห้ามผู้สมัครทุกคนกระทำการใด ๆ ที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งทุกคนถือปฏิบัติเคร่งครัด แล้วจู่ๆ ก็มีเรื่อง มีคนออกมาแฉแบบทันทีทันใด เชื่อว่าจะเกิดขึ้นในทุก ๆ ที่ เพราะทำกันง่ายเหลือเกิน

 

“ผมไม่ให้ราคาคนโพสต์ วันนี้มีพรรคการเมืองที่ถูกกล่าวหาแบบนี้ ก็ควรมาช่วยกันปกป้องว่ามีการใส่ร้ายป้ายสีหรือไม่ ควรมาช่วยกันใช้สติ ปัญญา ตรึกตรองว่ามันเป็นไปได้หรือไม่ เพราะอาจถูกกลั่นแกล้ง แต่ก็ไม่เป็นไร ผู้สมัคร ส.ส. ก็ไปแจ้งความแล้ว และจะไปแจ้ง กกต. ต่อไป” นายศุภชัย กล่าว

 

ด้าน นางจิดาภา สุนทรธนากุล ผู้สมัคร ส.ส. หนองคาย เขต 2 พรรคภูมิใจไทย ที่มีแผ่นพับปรากฏในคลิป ว่า ตนถูกใส่ร้าย ซึ่งได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.โพนพิสัยแล้ว เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ผ่านมา ใน 2 เรื่อง คือ ป้ายถูกทำลาย และคลิปที่เผยแพร่ทางโซเชียล ขอให้เป็นเรื่องกระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งตำรวจ และกกต. จะดำเนินการสืบสวนสอบสวน

 

นางจิดาภา กล่าวว่า ไม่รู้จักบุคคลในคลิปมาก่อน เป็นความเท็จทั้งหมด ตนไม่ทราบเหตุผล หรือเจตนาของคนถ่ายและคนเผยแพร่คลิปว่าทำไปเพื่ออะไร แต่เมื่อมีการแชร์ออกไป ทำให้ชื่อเสียงของผู้สมัครโดนไปด้วย จึงตัดสินใจไปร้องตรงนี้ เมื่อถามว่ากรณีที่นายชูวิทย์นำไปโพสต์จะดำเนินการอย่างไร นางจิดาภา กล่าวว่า ตนมีการแจ้งความไปก่อนที่จะเห็นโพสต์ของนายชูวิทย์ และกำลังปรึกษาฝ่ายกฎหมายว่าจะดำเนินการอย่างไร


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Esan Time Thailand
Take Me Top